

โบท็อกซ์รักแร้ ลดเหงื่อได้จริงไหม เหมาะกับใครบ้าง
เคยยืนข้าง ๆ ใครที่มีกลิ่นเหงื่อ กลิ่นตัวแรงกันไหมคะ คงเป็นโมเม้นต์ที่อึดอัดและพยายามเดินออกมาจากจุดนั้นให้ไกล แต่ถ้าเป็นตัวคุณเสียเองที่มีปัญหาเรื่องนี้ นอกจากกลิ่นไม่พึงประสงค์แล้ว รักแร้ยังเปียกชื้นใต้วงแขน เสื้อมีรอยด่างส่งผลให้ไม่มั่นใจ พอเจออากาศร้อนทีไรเป็นกังวลเรื่องนี้ทุกที แต่ปัญหานี้รักษาได้โดยการฉีดโบท็อกซ์รักแร้ หัตถการลดเหงื่อ ลดกลิ่นตัว เห็นผลเร็วใน 3-7 วัน ลดเหงื่อได้ถึง 80% เห็นผลไวและชัดเจนแบบนี้ ศึกษารายละเอียดด้านล่างกันได้กันได้เลย
โบท็อกซ์รักแร้ หรือ โบท็อกซ์ลดเหงื่อสามารถลดเหงื่อได้จริง โดยโบท็อกซ์จะเข้าไปยับยั้งการทำงานของสาร Acetylcholine ซึ่งควบคุมระบบประสาทที่ทำให้เกิดเหงื่อ ส่งผลให้ต่อมเหงื่อทำงานน้อยลงและช่วยลดเหงื่อได้
Botox โบท็อกซ์รักแร้ คืออะไร ลดเหงื่อได้อย่างไร
โบท็อกซ์รักแร้ คือ การฉีดสารโบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ (Botulinum Toxin Type A) หรือเรียกสั้นๆว่า Botox เข้าไปที่รักแร้บริเวณชั้นผิวหนังชั้นตื้นที่มีปัญหาฝั่งละ 20-30 จุด โดยใช้ข้างละ 50-100 ยูนิตเพื่อยับยั้งการทำงานของสาร Acetylcholine ซึ่งควบคุมระบบประสาทที่ทำให้เกิดเหงื่อ ส่งผลให้ต่อมเหงื่อทำงานน้อยลงและช่วยลดเหงื่อได้ถึง 80%
สาเหตุของ โบท็อกซ์รักแร้เปียก มีเหงื่อเยอะ เกิดจากอะไร
เหงื่อออกมากเกินไปคือสาเหตุของรักแร้เปียก เกิดจากกระบวนการทำงานของร่างกาย นั่นคือ การเปลี่ยนสารอาหารที่รับประทานเข้าไปเป็นพลังงาน ทำให้ร่างกายเกิดความร้อนและระบายความร้อนออกมาในรูปแบบของเหงื่อ นอกจากนี้ในบางคนที่มีเหงื่อออกมาเกินไป อาจเกิดจากความผิดปกติของต่อมเหงื่อ ทำให้อยู่ในภาวะเหงื่อออกมากผิดปกติหรือ Hyperhidrosis และเมื่อเหงื่อออกเยอะเกินไปจนทำปฏิกิริยากับแบคทีเรียในร่างกายส่งผลให้มีกลิ่นตัวนั่นเอง
ฉีดโบท็อกซ์รักแร้ อยู่ได้นานแค่ไหน
การฉีดโบท็อกซ์ไม่ใช่หัตถการถาวรแต่เป็นการรักษาที่เห็นผลไวและปลอดภัย โดยหลังฉีด 3-7 วัน เหงื่อจะค่อยๆ ลดลงและเห็นผลชัดเจนเต็มรูปแบบเมื่อผ่านไป 30 วันและอยู่ได้นานประมาณ 6-8 เดือน ทั้งนี้เพื่อผลลัพธ์ที่คงทนและต่อเนื่อง ผู้รักษาควรฉีดซ้ำเมื่อผ่านไป 3 เดือน
ฉีดโบท็อกซ์รักแร้ ที่ไหนดี
ก่อนฉีดโบท็อกซ์รักแร้ เช็กลิสต์ต่อไปนี้ดีๆ ก่อนตัดสินใจเลือกคลินิก
- คลินิกมีมาตรฐาน สะอาด อยู่ในทำเลที่ดี เช่น ห้างสรรพสินค้าหรือพื้นที่ที่มองเห็นชัดเจน สะดวกใช้บริการ มีใบรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข สามารถตรวจสอบใบอนุญาตได้ มีแพทย์ประจำคลินิกและมีช่องทางการติดต่อที่ง่ายและสะดวก
- แพทย์มีประสบการณ์และเชี่ยวชาญทางด้านนี้โดยเฉพาะ มีใบอนุญาตซึ่งสามารถเช็กได้ที่เว็บไซต์ของแพทยสภา
- ใช้โบท็อกซ์แท้ ซึ่งทางคลินิกต้องให้ข้อมูลของโบท็อกซ์กับผู้สนใจรักษาได้ โดยโบท็อกซ์แท้ต้องมี อย.ไทยและต่างประเทศรับรอง มีหมายเลขทะเบียนกำกับที่กล่องยาและมีเลขล็อตที่กล่องยาตรงกับที่ขวดซึ่งสามารถนำเลขนี้ไปตรวจสอบกับบริษัทฯ ที่นำเข้ามาได้
โบท็อกซ์รักแร้เหมาะกับใครบ้าง
- บุคคลที่มีปัญหากลิ่นตัวแรงจากเหงื่อออกเยอะเกินไปจนกลายเป็นปัญหา
- บุคคลที่กลัวการผ่าตัด ไม่อยากมีรอยแผลเป็นแต่ต้องการแก้ไขปัญหาเหงื่ออกเยอะและกลิ่นตัวแรง
- บุคคลที่แพ้ผลิตภัณฑ์ลดกลิ่นตัว ลดเหงื่อ เช่น โรลออน ครีม
ข้อดีข้อเสียของโบท็อกซ์รักแร้
ข้อดีของโบท็อกซ์รักแร้
1.ไม่ต้องผ่าตัด ไม่เกิดแผลเป็น
2.ใช้เวลาน้อย เห็นผลเร็ว ไม่ต้องพักฟื้น
3.ลดเหงื่อได้ถึง 80%
ข้อเสียของโบท็อกซ์รักแร้
1.หากเข้ารับการรักษากับคลินิกที่ไม่มีมาตรฐาน แพทย์ไม่ชำนาญทำให้การรักษาไม่เห็นผลและอาจเกิดอันตรายได้
2.ไม่ใช่หัตถการถาวรต้องฉีดต่อเนื่องหลังผ่านไป 3 เดือน
เตรียมตัวไปฉีดโบท็อกซ์รักแร้ยังไง
- ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับโบท็อกซ์อย่างละเอียด ดูรายละเอียดเกี่ยวกับคลินิกไว้หลาย ๆ ที่รวมถึงข้อมูลของแพทย์ที่ชำนาญทางด้านนี้มาประกอบการตัดสินใจเลือกคลินิกที่ต้องการเข้ารับการรักษา
- ดูริวีวโบท็อกซ์รักแร้จากผู้มาใช้บริการ
- งดทานยาที่ลดการแข็งตัวของเลือด หากมีโรคประจำตัวหรือมียาและวิตามินที่ทานประจำควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อน
- รับประทานอาหารที่มีธาตุสังกะสีหรือ Zinc ไม่เกิน 20 mg./วัน เพราะธาตุสังกะสีช่วยให้โบท็อกซ์ออกฤทธิ์ไว โดยสามารถทานได้ทั้งก่อนและหลังฉีดควรปรึกษาแพทย์ก่อน
ฉีดโบท็อกซ์รักแร้รู้สึกอย่างไร เจ็บไหม
การฉีดโบท็อกซ์เป็นการรักษาที่ใช้เวลาน้อย ระหว่างรักษาอาจมีการเจ็บที่ผิวจากเข็มโดยแพทย์จะทายาชาก่อนฉีดและประคบเย็นระหว่างฉีดเพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวด
ฉีดโบท็อกซ์รักแร้เมื่อไหร่เห็นผล
หลังฉีดโบท็อกซ์ 3-7 วันจะค่อย ๆ เริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงเหงื่อลดลงและเห็นผลอย่างเต็มรูปแบบเมื่อผ่านไป 30 วัน
ผลข้างเคียงของการฉีดโบท็อกซ์รักแร้
อาการข้างเคียงจากเข็มคือ เจ็บ บวมและช้ำบริเวณที่ฉีดซึ่งเป็นอาการปกติสามารถหายเองได้
ฉีดโบท็อกซ์รักแร้ราคาเท่าไหร่
ราคาขึ้นอยู่กับความต้องการของบุคคล ปัญหาที่ต้องรักษาและยี่ห้อโบท็อกซ์ที่นำมาใช้ โดยแพทย์จะประเมินแต่ละเคสอย่างละเอียดเพื่อประเมินค่ารักษาได้โดยผู้เข้ารับการรักษาสามารถแจ้งงบที่มีแก่แพทย์เพื่อหาวิธีรักษาได้ตรงใจและเหมาะสมกับงบในมือ