ฟิลเลอร์ใต้ตา
ฟิลเลอร์ใต้ตา

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา แก้ใต้ตาลึกและคล้ำ ให้ดูสดใส ปลอดภัย

ปัญหาริ้วรอยใต้ตา ใต้ตาลึก ขอบตาดำ ถุงใต้ตา เป็นปัญหากังวลใจของใครหลายคนซึ่งปัญหาเหล่านี้สามารถแก้ได้ด้วยการฉีด ฟิลเลอร์ใต้ตา สำหรับใครที่ไม่เคยผ่านการ ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา อาจจะสงสัยว่าสามารถช่วยได้มากแค่ไหน อันตรายหรือไม่ ที่นี่มีคำตอบ ตามเข้าไปดูกันเลย

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา คืออะไร?

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา คือการเติมสารไฮยาลูรอนิค แอซิด หรือ HA เพื่อเข้าไปเติมเต็มร่องลึก แก้ปัญหาใต้ตาลึก ใต้ตาคล้ำ ให้ดูสดใส

รีวิวฟิลเลอร์
รีวิวฟิลเลอร์

ปัญหาใต้ตา ดำคล้ำ เกิดจากสาเหตุใด?

  • การพักผ่อนน้อยทำให้เส้นเลือดใต้ผิวหนังตาขยายใหญ่ขึ้นจึงทำให้ผิวบริเวณรอบดวงตามีความคล้ำ
  • อายุที่มากขึ้นทำให้การกระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิวหนังทำงานได้น้อย และการไหลเวียนเลือดก็ลดลง ส่งผลให้ผิวบางลงจึงมองเห็นขอบตาดำได้ชัด
  • ผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ขณะที่ร่างกายเกิดอาการแพ้จะผลิตสาร Histamine ขึ้นมาเพื่อที่จะทำลายเชื้อแบคทีเรียจึงทำให้เส้นเลือดใต้ตาขยายตัวจนเห็นเป็นรอยดำใต้ตา

วิธีแก้ปัญหาใต้ตาคล้ำ มีวิธีใดบ้าง

  • ทำทรีทเม้นโดยการใช้เครื่องนวดระบบอุ่นบริเวณรอบดวงตาจะช่วยลดปัญหารอยหมองคล้ำใต้ตาได้ดี
  • เลเซอร์ใต้ตาเพื่อเข้าไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนบริเวณรอบดวงตา กระตุ้นการไหลเวียนเลือด บริเวณรอบดวงตาก็เป็นอีกหนึ่งวิธีช่วยแก้ปัญหาใต้ตาคล้ำได้ แต่สำหรับผู้ที่มีปัญหาใต้ตาคล้ำจากกรรมพันธุ์ หรือโรคภูมิแพ้ การเลเซอร์ไม่สามารถช่วยได้

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา โดยการเติม HA ช่วยทำให้ใต้ตาคล้ำกลับมาสดใส และดูอ่อนเยาว์ขึ้น ซึ่งจะไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย เพราะสาร Hyaluronic Acid เป็นสารที่สังเคราะห์มาจากธรรมชาติ

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ช่วยแก้ปัญหาเรื่องอะไร?

  • แก้ปัญหาริ้วรอย รอยตีนกา รอยเหี่ยวย่นใต้ตาและรอบๆ ดวงตาเพื่อทำให้ดูอ่อนเยาว์
  • แก้ปัญหาใต้ตาคล้ำ ขอบตาดำเพื่อทำให้ดูสดใสมากยิ่งขึ้น
  • แก้ปัญหาถุงใต้ตา ใต้ตาหย่อนคล้อยเพื่อช่วยลดปัญหาริ้วรอยและลงใต้ตา
  • แก้ปัญหาเบ้าตาลึก ตาโหลที่เกิดขึ้นจากการยุบตัวของกระดูกบริเวณใต้ตา

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเหมาะกับใคร?

การฉีดฟิลเลอร์เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาต่าง ๆ บริเวณรอบ ๆ ดวงตา อาทิ ปัญหาใต้ตาลึก ดอยคำใต้ตา มีถุงใต้ตา หรือกลัวการผ่าตัด และต้องการเห็นผลลัพธ์ทันที

เลือกฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ยี่ห้อไหนดี แตกต่างกันอย่างไร

  • Juvéderm: เนื้อฟิลเลอร์มีจำนวนพันธะมาก สลายช้า อุ้มน้ำน้อย ฉีดแล้วไม่เป็นก้อน เหมาะกับบริเวณที่ต้องใช้ขยับบ่อยๆ ช่วยยกกระชับได้ดี และมีความเป็นธรรมชาติ
  • Restylane: เนื้อฟิลเลอร์เป็นเม็ดละเอียด ค่าความยืดหยุ่นสูงปรับรูปทรงได้หลากหลาย และเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวได้ดี
  • Belotero: เนื้อฟิลเลอร์มีความยืดหยุ่นสูง ยึดเกาะผิวได้ดี ลดโอกาสการไหล และเป็นก้อนได้ดีมาก ๆ

ฟิลเลอร์ใต้ตา มีผลข้างเคียงอย่างไรบ้าง?

  • หลังฉีดจะมีรอยแดงบวมช้ำสามารถหายเองได้ภายใน 1-2 สัปดาห์
  • หากใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐานอาจจะส่งผลให้ฟิลเลอร์เคลื่อนตัวไปยังตำแหน่งอื่นๆได้ อาทิ หน้าผาก ริมฝีปาก เป็นต้น
  • หากใช้ฟิลเลอร์ปริมาณมากเกินไปจะส่งผลให้ใต้ตาเป็นก้อน และใต้ตาบวม
  • หากฉีดฟิลเลอร์ใต้ตากับแพทย์ที่ไม่มีความชำนาญฟิลเลอร์จะไปอุดตันหลอดเลือดแดงทำให้อันตรายถึงขั้นตาบอดได้
รีวิวฟิลเลอร์
รีวิวฟิลเลอร์

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา VS ฉีดไขมันใต้ตา

การฉีดไขมันใต้ตา

การฉีดไขมันใต้ตาเรียกได้ว่ามีความเสี่ยงสูง และมีวิธีที่ค่อนข้างยุ่งยากหากเทียบกับการ ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ยิ่งฉีดกับแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์ คำนวณไขมัน หรือใช้เทคนิคไม่เหมาะสม จะส่งผลให้ใต้ตาเป็นคลื่น ตาไม่เท่ากันได้

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาคุ้มค่ากว่าการฉีดไขมันใต้ตา เพราะฟิลเลอร์มีหลายโมเลกุล มีหลายรุ่นให้เลือก ทำให้ตอบโจทย์ต่อการแก้ปัญหาได้ดี และที่สำคัญได้รับผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ สวยงาม และเรียบเนียน

ฟิลเลอร์ใต้ตา มีข้อดี ข้อเสีย อย่างไร?

ข้อดี

  • การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะสามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ 100% ไม่มีสารตกค้างชัวร์
  • การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาไม่ต้องพักฟื้น หลังฉีดเห็นผลลัพธ์ทันที
  • แก้ปัญหาริ้วรอย ร่องลึก ส่งผลให้ผิวใต้ตาดูเต่งตึง และกลับมาสดใสเป็นธรรมชาติ
  • แก้ปัญหาโบ๋ ใต้ตาลึก ที่เกิดมาจากการยุบตัวของกระดูกใต้ตาได้

ข้อเสีย

  • ได้ผลลัพธ์ไม่ถาวร เนื่องจากฟิลเลอร์จะสลายไปเองตามธรรมชาติต้องเติมซ้ำ 6-12 เดือนเพื่อคงสภาพ
  • หากฉีดฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐานจะทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ อาทิ การติดเชื้อ การอักเสบ ฟิลเลอร์เป็นก้อน เป็นต้น
  • หากฉีดกับแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์จะทำให้เกิดอันตรายถึงขั้นตาบอดได้

การปฏิบัติตัวก่อนและหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

  • หากมีโรคประจำตัว หรือแพ้ยาจะต้องแจ้งทีมแพทย์ทุกครั้ง
  • หลีกเลี่ยงการใช้ยาที่มีผลต่อการผลัดของเซลล์ผิวใต้ตา
  • อย่างน้อย 3 วันก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะต้องงดนวดหน้า และงดการทำเลเซอร์
  • ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอาจจะมีการพิจารณาเกี่ยวกับการฉีดยาเพื่อลดอาการบวม หรือให้รับประทานยาห้ามเลือดสำหรับบางเคส

ข้อควรปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

  • หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เลี่ยงการสัมผัสบริเวณใต้ตาเนื่องจากจะทำให้เกิดอาการบวมช้ำมากกว่าเดิม
  • รับประทานยาตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
  • งดทำกิจกรรมที่ส่งผลให้เลือดสูบฉีดมากๆ จนทำให้หน้าแดง อาทิ การออกกำลังกายอย่างหนักหน่วง การตากแดดอย่างน้อย 48 ชั่วโมง เป็นต้น
  • ไม่ควรทำเลเซอร์ที่ใช้ความร้อนกับผิวชั้นลึกทุกชนิดอย่างน้อย 1 เดือน
  • ห้ามรับประทานอาหารที่ส่งผลต่ออาการบวม การอักเสบ อาทิ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาหารหมักดอง เป็นต้น

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ไหนดี

  • คลินิกได้รับการรับรองมาตรฐานถูกต้องตามกฎหมายของกระทรวงสาธารณสุขพร้อมทั้งมีที่ตั้งคลินิกที่ชัดเจน
  • ระบุชื่อแพทย์ไว้ชัดเจนรวมถึงต้องเป็นแพทย์ที่มีเลขใบประกอบที่ชัดเจนสามารถตรวจสอบได้
  • ทางคลินิกมีการติดตามผลหลังการ ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ทุกครั้ง และมีรีวิวจากผู้ใช้บริการจริง
  • บริการรุ่นฟิลเลอร์ และยี่ห้อให้เลือกอย่างหลากหลาย เนื่องจากแต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อก็จะมีคุณสมบัติที่มีความแตกต่างกันออกไป

รวมรีวิวฟิลเลอร์ใต้ตาจากชาน่าคลินิก

รีวิวฟิลเลอร์
รีวิวฟิลเลอร์
รีวิวฟิลเลอร์
รีวิวฟิลเลอร์

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับฟิลเลอร์ใต้ตา

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาใช้แค่เพียง 1-2 cc ก็เห็นผลลัพธ์แล้ว

การฉีด ฟิลเลอร์ใต้ตา ไม่อันตราย แต่จะต้องระมัดระวังเรื่องการเลือกคลินิกเป็นพิเศษ เพราะถ้าโดนคลินิกเถื่อนที่ใช้ฟิลเลอร์ปลอมอาจจะทำให้เกิดอันตรายได้ อาทิ เนื้อตาย ตาบอด

  • ปริมาณฟิลเลอร์มากจนเกินไป เนื่องจากแพทย์ที่ฉีดไม่มีประสบการณ์ส่งผลให้คำนวณฟิลเลอร์ผิดพลาด ก็จะทำให้เป็นก้อนได้
  • ตำแหน่งของการฉีดฟิลเลอร์ไม่ตรงกับตำแหน่งที่มีปัญหา อาทิ ฉีดฟิลเลอร์เพื่อเติมเต็มร่องใต้ตาในตำแหน่งที่ตื้นจนเกินไป เป็นต้น
  • ชนิดฟิลเลอร์ที่ใช้ไม่เหมาะสมกับตำแหน่งที่ฉีด เพราะฟิลเลอร์แต่ละชนิดมีขนาดโมเลกุล และเนื้อสัมผัสแตกต่างกัน
  • ฉีดฟิลเลอร์ไม่ได้มาตรฐาน เมื่อฉีดไปนาน ๆ จะส่งผลให้จับตัวกันเป็นก้อนไหลย้อยไม่เป็นทรง

ฉีด ฟิลเลอร์ใต้ตา อยู่ได้นาน 6 – 18 เดือน (ขึ้นอยู่กับชนิดฟิลเลอร์ที่เลือกใช้)

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะเห็นผลลัพธ์ได้เลยทันทีหลังฉีด

อาการบวมจากการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาประมาณ 2-3 วัน หลังจากนั้นจะค่อย ๆ ยุบหายไปเอง

ก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา จะต้องแปะยาชาเพื่อลดความเจ็บปวดจึงส่งผลให้ขณะฉีด และ หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา จะรู้สึกเจ็บแค่เพียงเล็กน้อยซึ่งเป็นความเจ็บที่สามารถทนได้

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะเสี่ยงทำให้ตาบอดได้ก็ต่อเมื่อฉีดกับแพทย์ที่ไม่มีความสามารถ (หมอกระเป๋า) และการใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน

มีโอกาสที่ใต้ตาจะกลับมาคล้ำได้อีก เนื่องจากเมื่อระยะเวลาผ่านไปนาน ๆ เนื้อฟิลเลอร์ก็จะสลายตัวไปเอง

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาราคาเท่าไหร่ 1 ซีซี เริ่มต้น 14,000 บาท

Scroll to Top